การช้อปปิ้งอุปกรณ์ภายนอกอาจมีราคาสูง แต่กับกลยุทธ์ที่เหมาะสม คุณสามารถหาแบรนด์ที่ดีและอยู่ในงบประมาณของคุณได้ นี่คือ 5 วิธีที่จะช่วยให้คุณซื้ออุปกรณ์ภายนอกด้วยงบประมาณ 1. ซื้อแบบโมเดลปีที่แล้ว ผู้ผลิตอุปกรณ์ภายนอกมักเปิดตัวโมเดลใหม่ในฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูร้อน ซึ่งหมายความว่าโมเดลปีที่แล้วจะมีราคาที่ลดลงในช่วงฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูหนาว คุณสามารถหาส่วนลดสำหรับโมเดลปีที่แล้วซึ่งมักจะอยู่ในเกณฑ์ 20-50% ลดลง 2. ซื้อระหว่างวันหยุดภาษี ในหลายรัฐ วันหยุดภาษีเดินออกมาเป็นระยะๆ ในช่วงปีนี้ คุณจะได้รับไม่ต้องเสียภาษีสำหรับการซื้ออุปกรณ์ภายนอก ตัวอย่างเช่น บางรัฐจะมีวันหยุดภาษีเดินในวันที่ 4 หรือ 7 เดือน แค่เข้าถึงโอกาสนี้เพื่อเก็บอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องเสียเงิน 3. ขึ้นพิจารณาอุปกรณ์แบบซ่อมแซมหรือใช้แล้ว อุปกรณ์ภายนอกที่ซ่อมแซมและใช้แล้วสามารถช่วยให้คุณประหยัดเงินทั้งยังมีคุณภาพสูง ลอตของหลายร้านค้าขายอุปกรณ์ที่ซ่อมแซมพร้อมการรับประกัน ซึ่งมีราคาถูกกว่าซื้ออุปกรณ์ใหม่ คุณก็สามารถหาอุปกรณ์แบบใช้แล้วได้ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของ REI หรือหนังสือพิมพ์ออนไลน์ในพื้นที่ 4. ตรวจดูอู่รับสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่สอง ร้านค้าหลายแห่งมีอู่รับสินค้าซึ่งขายโมเดลที่ถูกยกเลิก สินค้าที่ปิดกิจการ หรือสินค้าที่ไม่ตรงตามมาตรฐานความดี (ที่เรียกว่าผลิตภัณฑ์ที่สอง) อู่เหล่านี้มีส่วนลดอุปกรณ์ภายนอกอย่างลึกซึ้ง แต่ต้องระวังว่าสินค้าอาจไม่ใช่ใหม่หรือในสถานะสมบูรณ์ 5. ใช้ประโยชน์จากโปรโมชั่นและเงินเก็บของผู้ผลิต ดูแลตัวอักษรเว็บไซต์ของผู้ผลิตสำหรับเงินเก็บ โปรโมชัน หรือส่วนลด บางท่านทำให้เกิดเงินเก็บในอุปกรณ์เฉพาะหรือแบบหรือบางท่านขายส่งก้อนใหญ่ ลงทะเบียนเพื่อสายด่วนและสื่อสังคมของคุณในการรู้จักการขายและโปรโมชั่นของที่จะมา

ความเรียนรู้ในการค้นหาอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ดี! นี่คือ 5 เทคนิคที่จะช่วยให้คุณได้รับส่วนลดอย่างน่าประทับใจ: 1. เว็บไซต์สำหรับราคาเปรียบเทียบนออนไลน์ ใช้เว็บไซต์ที่เปรียบเทียบราคาออนไลน์เช่น: – Reverb.com (ตลาดของอุปกรณ์ต่าง ๆ) – Musician’s Friend (การเปรียบเทียบราคาและข้อเสนอส่วนลดเฉพาะ) – Guitar Center (คล้ายกับ Musician’s Friend แต่มีราคาและคูปองออนไลน์) – PriceGrabber (เว็บไซต์สำหรับการเปรียบเทียบราคาทั่วไป) แพลตฟอร์มเหล่านี้ช่วยให้คุณสามารถเปรียบเทียบราคาจากผู้ขายหลายคนเพื่อหาข้อเสนอที่ดีที่สุด 2. ตลาดออนไลน์ ซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ จากตลาดออนไลน์เช่น: – eBay (สำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้แล้วและใหม่ บางครั้งราคาจะถูกกว่า) – Craigslist (ต้องระวังเมื่อซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ จากผู้ขายแต่ละราย ให้แน่ใจว่าอุปกรณ์เป็นแท้และมีสารพันธบัตรรับประกัน) – Facebook Marketplace (คล้ายกับ Craigslist แต่มุ่งเน้นไปที่การค้าขายในพื้นที่ท้องถิ่น) คุณสามารถหาอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ซื้อแล้วหรือมีการรับรองจากผู้ผลิตได้ 3.…

ความตื่นเต้นของการล่าหาของมีค่าในงานขายส่งร้านค้าแบบยارد Here มี 5 คำแนะนำที่จะช่วยให้คุณหาของดีราคาถูก 1. ทำการวิจัยและวางแผนล่วงหน้า ก่อนออกไป ลองใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อทำการวิจัยตลาดออนไลน์ เช่น Craigslist หรือ Facebook Marketplace เพื่อดูว่ามีของขายในพื้นที่ของคุณอยู่บ้าง พิจารณาสิ่งที่ดึงดูดใจคุณ แล้ววางแผนพื้นที่ที่มีสินค้าที่ดีที่สุด 2. ออกไปเร็วและเตรียมตัว ออกไปก่อนหน้าลูกค้าอื่นๆ เพื่อหาของราคาดี มี: – รองเท้าใส่สำหรับการเดิน – เงินสด (ไม่ใช่นักชำระเงินทุกคนยอมรับ) – รายการของที่คุณอยากหา – 书หรือ reference book (เช่น สำหรับสิ่งของเก่าหรือสินค้าที่มีค่า) – อาหารและน้ำเย็น (ไม่ทราบว่าจะใช้เวลานานเท่าไหร่) 3. ตรวจสอบของด้วยตนเอง ก่อนซื้อ ควรตรวจสอบสินค้าด้วยตนเอง เช่น: – มีเสียหายหรือสึกหรอหรือไม่ – ของมันใช้งานได้หรือไม่ (ลองใช้พลังงาน) – ของมันเป็นของแท้หรือเปล่า (สำหรับสินค้าที่ชื่อดัง หรือ สินค้าดีไซเนอร์) – มีสิ่งปกติที่ซ่อนอยู่หรือเปล่า…

ดูนิกายที่ 5 วิธีแก้ปัญหาในการหาข้อเสนอขายฤดูกาลบนของใช้ในบ้าน: 1. ลงทะเบียนรับข่าวสารจากหน้าร้านและติดตามบัญชีอินสตราแกรม ผู้ค้าปลีกของ ของใช้ในบ้านมักจะให้ส่วนลด, โปรโมชั่น และเข้าถึงการขายล่วงหน้าก่อนสำหรับสมาชิกและติดตามของพวกเขา สดใส่ในอีเมลข่าวสารของที่ทำไมเป็นร้านของคุณ ฟेसบุ๊ค หน้าร้าน อินสตราแกรม และ Twitter เพื่อดูว่าเกี่ยวกับการขายล่วงหน้ามาอยู่แล้วหรือยัง 2. ใช้เว็บไซต์ในการเปรียบเทียบราคาและแอปพลิเคชัน เครื่องมือ เช่น PriceGrabber, ShopSavvy หรือ RetailMeNot สามารถช่วยคุณเปรียบเทียบราคากับผู้ค้าปลีกต่างๆ และหาข้อเสนอที่ดีที่สุดบนของใช้ในบ้านในราคาต่ำกว่าฤดูกาล คุณสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน เช่น Honey หรือ Coupons.com เพื่อรับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับข้อเสนอและลดราคา 3. ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มการขายส่วนลด และเว็บบอร์ด เว็บไซต์ เช่น Slickdeals, DealNews หรือ The Krazy Coupon Lady จะรวมข้อมูลการตั้งราคาจากผู้ค้าปลีกต่างๆ และให้ส่วนลดที่เฉพาะเจาะจงเป็นของใช้ในบ้าน อินเทอร์เน็ตฟอรั่ม เช่น Reddit’s r/couponing ,r/deals หรือ Slickdeals’ community สามารถให้ข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับการขายล่วงหน้าและกลยุทธ์การลดราคา…

มีเทคนิคชีวิต 5 ข้อที่จะช่วยคุณหาต้นทุนสุดยอดสำหรับอุปกรณ์ความตั้งใจในการออกกำลังกาย: 1. ใช้เครื่องมือเปรียบเทียบราคาออนไลน์ เว็บไซต์ต่างๆ เช่น PriceGrabber, Nextag หรือ Google Shopping สามารถช่วยให้คุณสามารถเปรียบเทียบราคาจากผู้ขายออนไลน์ต่างๆ รวมถึง Amazon, Walmart และ Best Buyได้ ให้พิมพ์ชื่ออุปกรณ์ออกกำลังกายที่คุณสนใจ แล้วเว็บไซต์จะแสดงรายละเอียดราคาสำหรับผู้ขายต่างๆ 2. ตรวจสอบส่วนลดและโปรโมชั่น ปฏิบัติตามแบรนด์อุปกรณ์ออกกำลังกายโปรดของคุณบนโซเชียลมีเดีย หรือลงทะเบียนอีเมลหนังสือพิมพ์ของพวกเขาเพื่อติดตามโปรโมชัน ส่วนลด และสิทธิพิเศษคุณสามารถใช้เว็บไซต์ต่างๆ เช่น RetailMeNot หรือ Coupons.com เพื่อค้นหาโค้ดส่วนลดและสิทธิประโยชน์ที่จะใช้ที่การตรวจสอบ 3.พิจารณาอุปกรณ์ออกกำลังกายที่ซ่อมหรือใช้แล้ว อุปกรณ์ออกกำลังกายที่ซ่อมได้ หรือใช้แล้ว สามารถเป็นทางเลือกที่มีราคาประหยัดกว่าการซื้ออุปกรณ์ใหม่ เว็บไซต์ต่างๆ เช่น Craigslist, Facebook Marketplace หรือหนังสือพิมพ้องบุคคลในบริเวณใกล้เคียงอาจมีอุปกรณ์ที่มีคุณภาพดีและราคาที่ลดลง คุณควรตรวจสอบอุปกรณ์อย่างละเอียดก่อนซื้อ และคำนึงถึงความครอบคลุมการรับประกันและการคืนเงิน 4. ค้นหาส่วนลดหรือแพ็คเกจ บางผู้ขายให้ส่วนลดเมื่อคุณซื้ออุปกรณ์ที่ต่างกันไปพร้อมกัน เช่น ท่อวิ่งและเบาะน้ำหนัก คอยสังเกตส่วนลดที่จะช่วยคุณประหยัดเงินได้ 5. ใช้อัลฟาเบ็ตแบบจ่ายเงินคืนหรือโปรแกรมรางวัล แอปพลิเคชันจ่ายเงินคืน เช่น Rakuten…

Here are 5 ชีวิตวิธีในการช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการถูกหลอกโดยข้อเสนอขายปลอม: 1. อย่าระมัดระวัง “ข้อจำกัดเวลา” ข้อเสนอสินค้าปลอมบ่อยครั้งสร้างความเร่งด่วนเพื่อให้คุณซื้อในอารมณ์โดยไม่ต้องตั้งใจ รักษาใจให้แน่ใจกับวลีเช่น “เวลาเป็นจำกัดเพียงเท่านี้” “ขาย 24 ชั่วโมง” หรือ “โอกาสสุดท้าย” เหล่านี้เป็นที่ออกแบบมาเพื่อให้คุณกระทำอย่างรวดเร็วโดยไม่ให้เวลาค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือราคาที่เหมาะสม วิธีชีวิต: ลองชะงักและตรวจสอบข้อเสนอที่ดี ขอแนะนำให้คุณตรวจสอบรีวิวออนไลน์ ราคาจากเว็บไซต์อื่นๆ และค้นหาราคากับร้านค้าที่มีความน่าเชื่อถือ หากมันดูเหมือนจะดีสุดหรือเลวเกินไป ให้ไว้วางใจความเข้าใจของคุณและข้ามไป 2. วิจัยส่วนลดของแบรนด์ บางบริษัทใช้ข้อเสนอสินค้าปลอมเป็นกลยุทธ์การตลาดเพื่อสร้างอารมณ์ของค่า ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับราคาของแบรนด์และเว็บไซต์เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับการขายส่วนลดหรือลดราคา วิธีชีวิต: ค้นหาเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับราคานี้ เช่น CamelCamelCamel (Amazon) หรือ Keepa (Amazon) เหล่านี้สามารถช่วยให้คุณรู้ว่าสินค้ามีราคาสูงกว่าปกติหรือหาก “ข้อเสนอส่วนลด” นั้นจริงๆ ไม่ใช่ราคาปกติที่ลดลง 3. ตรวจสอบการนำส่งผลิตภัณฑ์ ระวังข้อเสนอที่อ้างว่าสินค้ามีส่วนลดหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการจัดหาจากผู้ขายที่ไม่รู้จัก ร้านค้าที่มีชื่อเสียงจะทำงานกับผู้ขายที่มีชื่อเสียงและตั้งไว้บนเว็บไซต์ของพวกเขา วิธีชีวิต: ค้นหารีวิว, ทะเบียน และการประเมินผู้ขายบนแพลตฟอร์ม เช่น Amazon หรือ eBay โปรดระวังถ้าผลิตภัณฑ์ มีรีวิวเป็นลบส่วนใหญ่หรือหากผู้ขายใหม่หรือไม่ได้รับการยืนยัน 4. ตรวจสอบวลีเช่น…

1. ลองสมัครสมาชิกกลุ่มอีเมลเฉพาะเพื่อรับส่วนลดพิเศษ หลายแบรนด์มันแฟชั่นให้ส่วนลด, แสดงโปรโมชัน และ ส่วนลดเฉพาะผ่านอีเมล สมัครสมาชิกกลุ่มอีเมลของแบรนด์ที่ชอบเพื่อรู้จักการขายที่กำลังจะเกิดขึ้น, โค้ดส่วนลด และสิทธิพิเศษ บางแบรนด์ เช่น ASOS, Zara และ H&M มีอีเมลที่ดีเยี่ยมสำหรับนำเสนอของพิเศษ 2. ใช้เว็บไซต์เพื่อเปรียบเทียบราคาต่างๆ เว็บไซต์ เช่น CamelCamelCamel (สำหรับ Amazon) หรือ Keepa (สำหรับผู้ขายออนไลน์) ช่วยให้คุณหาเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการซื้อสินค้าบางอย่าง คุณสามารถใช้แพลตฟอร์มบราวเซอร์ เช่น Honey หรือ Coupons at Checkout เพื่อประยุกต์ใช้ส่วนลดและได้รับส่วนลดเงินสด 3. ใช้แอปคืนเงิน แอปส่วนลดเงินของคุณเช่น Rakuten (ที่รู้จักกันในชื่อ Ebates), TopCashback หรือ BeFrugal ให้คุณเป็นเปอร์เซ็นต์ของการสั่งซื้อคืนมาในรูปของเงินหรือเครดิต แอปเหล่านี้ทำงานร่วมกับผู้ขายหลายพันราย รวมถึงแบรนด์แฟชั่นที่นิยม 4. ไปซื้อในเวลาขายส่งผลิตภัณฑ์ในฤดูกาลที่ไม่เหมาะสม ผู้ขายมักจะทำการคัดออกผลิตภัณฑ์ฤดูกาลในปลายฤดูกาล ถ้าคุณพร้อมซื้อเสื้อผ้าฤดูหนาวในเดือนมกราคม หรือ เสื้อฤดูร้อนในเดือนกรกฎาคม คุณจะได้ส่วนลดพิเศษได้ สิ่งเหล่านี้สามารถหาซื้อได้ในราคาสำหรับผลิตภัณฑ์ทางด้านล่างของราคาต้นทุน…

คำถามถาวรของการหาสิ่งของที่มีลักษณะเฉพาะและเหมาะสมในราคาที่ไม่แพง! นี่คือ 5 วิธีการช่วยให้คุณสร้างของขวัญที่มีลักษณะเฉพาะได้โดยไม่ต้องใช้จ่ายมาก 1. ใช้แบบเรียนออนไลน์และเครื่องมือออกแบบ เว็บไซต์ เช่น Canva (canva.com), PicMonkey (picmonkey.com), หรือ Adobe Spark (adobe.com/creativecloud) มีแบบเรียนและเครื่องมือออกแบบฟรีที่สามารถช่วยให้คุณสร้างของขวัญที่มีลักษณะเฉพาะได้โดยไม่ต้องมีความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบ คุณสามารถเลือกจากหลายรูปแบบ แบบตัวอักษร และกราฟฟิก เพื่อให้คุณสามารถทำให้อันของคุณเป็นเอกลักษณ์ได้ 2. ช็อปสินค้าครึ่งเดิมในร้านขายของเก่า ร้านขายของเก่า ร้านขายของวินเทจ หรือเว็บไซต์ออนไลน์ เช่น eBay (ebay.com) หรือ Craigslist (craigslist.org) สามารถเป็นแหล่งหาสิ่งของที่มีลักษณะเฉพาะและถูกกว่าที่คุณสามารถเปลี่ยนรายละเอียดได้เองหรือให้เพื่อนมาใส่รายละเอียดไว้ 3. ทำการเพิ่มเติมโดยไม่ต้องใช้จ่ายมาก ทำให้เป็นเอกลักษณ์ของคุณเอง โดยการทำสีภาพผ้า สาวกเหล็กสติ๊กเกอร์ หรือแม้แต่การเย็บด้วยมือ คุณสามารถเปลี่ยนของทั่วไปให้เป็นของขวัญเดียวเท่านั้นได้โดยไม่ต้องใช้จ่ายมาก และคุณอาจจะทำปุ่มลูกบาศก์ที่มีลักษณะเฉพาะ หรืออักษรบุ๊คมาร์คที่เป็นเอกลักษณ์ 4. ใช้อำนวณหาขนาดและขนส่ง ใช้เว็บไซต์ออนไลน์ที่มีข้อตกลงเรื่องการส่งของฟรี เช่น Zazzle (zazzle.com), Redbubble (redbubble.com) หรือ Etsy (etsy.com) คุณสามารถสร้างและการสั่งซื้อของขวัญที่มีลักษณะเฉพาะโดยไม่ต้องใช้จ่ายมาก และคุณสามารถเลือกจากตัวอย่างของขวัญและรูปแบบของเว็บไซต์ที่มากมาย…

luxury of high-end sunglasses! While they can be pricey, there are ways to score them at discounted prices. Here are 5 lifehacks to help you shop smart: 1 ร้านขายของชำราคาถูกและพื้นที่สั่งซื้อสินค้า: มารู้จักค้นหาผลิตภัณฑ์สายแดดที่มีชื่อเสียงในราคาที่ต่ำกว่า ที่ร้านขายของชำราคาถูกอย่าง TJ Maxx, Marshalls หรือ Ross ซึ่งมีสินค้าที่หลากหลาย และสามารถตรวจสอบพื้นที่สั่งซื้อสินค้าหรือพื้นที่ส่งผลิตได้ 2 เว็บไซต์ที่ขายของชำราคาถูกออนไลน์: เว็บไซต์ต่างๆ เช่น Saks Off 5th, Neiman Marcus Last Call และ Bluefly มีสินค้าราคาที่ลดลงกว่า 70% ของราคาต้นทุนเดิม 3…