นี่เป็น 5 วิธีปฏิบัติที่ดีในการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อปกปันข้อมูล:
1. แฮชไฟล์และเก็บไว้ในบล็อกเชน
ใช้อัลกอริทึมการแฮชไฟล์ (เช่น SHA-256) เพื่อสร้างชุดค่าผูกพันของไฟล์ ส่งผลให้เกิดลิงก์ที่ไม่สามารถย้อนกลับได้และเป็นเอกลักษณ์ระหว่างไฟล์กับเนื้อหาของมัน จากนั้นเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้ในบล็อกเชนที่เปิดสู่สาธารณะหรือส่วนตัว เพื่อให้คุณสามารถจัดเก็บและดูแลข้อมูลที่ละเอียดอ่อนได้อย่างปลอดภัย หากใครบางคนพยายามแก้ไขไฟล์ จะทำให้ข้อมูลแฮชเปลี่ยน และเตือนคุณว่ามีการแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต
ตัวอย่าง: Google Keyless Signature Infrastructure (KSI) ใช้วิธีนี้เพื่อปกปันไฟล์ของผู้ใช้
2. ใช้สัญญาเชื่อมโยงในการควบคุมการเข้าถึง
นำสัญญาเชื่อมโยงที่มีความสามารถในการแก้ไขตนเองบนแพลตฟอร์มบล็อกเชน เช่น Ethereum หรือ Corda เพื่อจัดการการควบคุมการเข้าถึงและการอนุญาตสำหรับข้อมูลที่ละเอียดอ่อน สัญญาที่มีความสามารถในการแก้ไขตนเองเหล่านี้สามารถให้หรือปฏิเสธการเข้าถึงตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลหรือระบบที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องเท่านั้นที่สามารถดูหรือแก้ไขข้อมูลได้
ตัวอย่าง: Health Information Trust Alliance (HITRUST) ใช้สัญญาเชื่อมโยงในการแบ่งปันบันทึกสุขภาพของผู้ป่วยระหว่างผู้ให้บริการทางการแพทย์
3. สร้างบัญชีกระดาษที่ไม่สามารถแก้ไขได้สำหรับข้อมูลสิทธิ์การสร้าง
ใชเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อสร้างบัญชีกระดาษที่มีความสามารถในการตรวจสอบและไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งจะบันทึกถึงแหล่งกำเนิดและการเคลื่อนไหวของข้อมูลที่ละเอียดอ่อน นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณสามารถรับรองความแท้จริงและความสมบูรณ์ของข้อมูล รวมถึงเพิ่มการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น GDPR หรือ HIPAA
ตัวอย่าง: Food and Drug Administration (FDA) ใช้บล็อกเชนเพื่อติดตามการระงับการจำแนกของอาหารและตรวจสอบแหล่งกำเนิดผลิตภัณฑ์
4. ใช้หลักฐานที่ไม่ทราบค่าพิสูจน์สำหรับแบ่งปันข้อมูลที่ปลอดภัย
นำหลักฐานที่ไม่สามารถทราบค่าพิสูจน์บนแพลตฟอร์มบล็อกเชน เพื่อทำให้ผู้ใช้สามารถแบ่งปันข้อมูลได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน นำเทคนิคการเข้ารหัสชั้นนำเพื่อให้ผู้ใช้สามารถรับรองว่ามีข้อมูลบางอย่างมีอยู่หรือสอดคล้องกับเงื่อนไขบางอย่างโดยไม่ต้องแบ่งปันข้อมูลขึ้นมา
ตัวอย่าง: Zcash ซึ่งเป็น cryptocurrency ใช้หลักฐานที่ไม่สามารถทราบค่าพิสูจน์เพื่อให้แน่ใจว่าการทำธุรกรรมจะปลอดภัยและเป็นส่วนตัว
5. ใช้กระเป๋าเงินที่มีสายสัมพันธ์หลายลายลักษณ์อักษรเพื่อจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัย
ใช้กระเป๋าเงินที่มีสายสัมพันธ์หลายลายลักษณ์อักษรบนแพลตฟอร์มบล็อกเชน เช่น Bitcoin หรือ Ethereum เพื่อให้สามารถจัดเก็บข้อมูลที่ละเอียดอ่อนได้อย่างปลอดภัย กระเป๋าเงินเหล่านี้จะจำเป็นต้องมีสายสัมพันธ์ที่หลายลายลักษณ์อักษรเพื่อดึงออกและเข้าถึงข้อมูล ซึ่งหมายความว่าแม้กระเป๋าเงินที่หนึ่งจะเป็นไปได้ว่าจะถูกโจมตี แต่สายสัมพันธ์อีกอย่างทั้งหมดก็ยังคงสามารถป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
ตัวอย่าง: Gemini ซึ่งเป็น cryptocurrency exchange ใช้กระเป๋าเงินที่มีสายสัมพันธ์หลายลายลักษณ์อักษรเพื่อปกปันความปลอดภัยของเงินของผู้ใช้ และจัดการความเสี่ยงในการดำเนินการ