ใช้เครื่องมือการจัดการงาน: Trello หรือ Asana
– ชีวิตนี้: ตั้งค่า Workflow ที่อัตโนมัติผ่านพลังของ Trello หรือ Template ของ Asana เพื่อให้ง่ายต่อการปฏิบัติตามงานซ้ำๆ เช่น ส่งใบแจ้งเงินหรือจัดเวลาโพสต์โซเชียล
2. สร้างกระบวนการลงทะเบียนลูกค้า
– คิดและพัฒนากระบวนการลงทะเบียนลูกค้าที่มาใหม่ รวมถึง
+ ส่งอีเมลต้อนรับพร้อมรายละเอียดโครงการและส่วนของเวลา
+ ขอเอกสารหรือข้อมูลที่จำเป็น
+ ตั้งค่าความคาดหวังในการสื่อสารและความร่วมมือ
ชีวิตนี้: ใช้แบบฟอร์มสำหรับการลงทะเบียนลูกค้า และใช้อีเมลอัตโนมัติผ่านเครื่องมือเช่น Mailchimp หรือ Zapier เพื่อช่วยเหลือในการทำงานและมีส่วนร่วมได้อย่างรวดเร็ว
3. ประยุกต์ใช้เครื่องมือการบันทึกเวลา: Toggl หรือ Harvest
– การบันทึกเวลาช่วยให้คุณเข้าใจว่าใช้เวลากี่หน่วยในการแต่ละงาน โครงการ และลูกค้า
– ข้อมูลนี้สามารถใช้เพื่อ
+ ปรับปรุงกลยุทธ์การตั้งราคาของคุณ
+ รับรู้กิจกรรมที่ทำให้สูญเสียเวลาและปรับกระบวนการทำงานให้ดีขึ้น
+ ตั้งค่าระยะเวลาที่เป็นจริงสำหรับการโครงการในอนาคต
ชีวิตนี้: ใช้เครื่องมือนี้เพื่อสร้างรายงานที่แสดงลูกค้าหรือโครงการที่ทำให้คุณใช้เวลาได้นานที่สุด นี่ช่วยให้คุณจัดลำดับความสำคัญของงานที่เกี่ยวข้องมากที่สุดและเจรจากับลูกค้าที่ไม่ดำเนินการต่อยอด
4. พัฒนาตำราการจัดการโครงการ
– สร้างแบบฟอร์มที่สามารถปรับแต่งได้สำหรับการโครงการแต่ละประเภท รวมถึง
+ ข้อมูลลูกค้า
+ โมดูโลและเป้าหมายของโครงการ
+ รายการงานกับกำหนดเวลา
+ งบประมาณและการเบิกจ่ายทรัพยากร
ชีวิตนี้: ใช้เครื่องมือ เช่น Notion หรือ Google Docs เพื่อสร้างแบบฟอร์มที่สามารถปรับแต่งได้ตลอดเวลา นี่ช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการก่อสร้างเอกสารจากศูนย์อีกครั้ง
5. ตั้งค่าการประเมินและการปรับปรุงกระบวนการ
– ประเมินคะแนนทางปัญญาตลอดระยะเวลาที่อยู่ในกระบวนการทำงานของลูกค้าและประสิทธิภาพทางธุรกิจของคุณ เพื่อระบบรูปแบบสำหรับการปรับเปลี่ยน
+ ปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้า
+ เพิ่มผลผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพ
+ ปรับปรุงกลยุทธ์การตั้งราคาของคุณ
ชีวิตนี้: ตั้งค่าการประเมินระยะเวลา (เช่น สัปดาห์ เดือน หรือสี่เดือน) โดยใช้เครื่องมือ เช่น Calendly หรือ Google Calendar เพื่อให้คุณสามารถจัดลำดับความสำคัญและปรับปรุงกระบวนการได้อย่างรวดเร็ว