๕ วิธีแก้ปัญหาที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายการซื้อขายคริปตโกลบอล


นี่คือ 5 วิธีการช่วยเหลือในการลดค่าธรรมเนียมการซื้อขาย Cryptocurrency:

1. เลือก Exchange ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ

ไม่ใช่ทุก Exchange ที่เหมือนกัน เมื่อพิจารณาความเท่าเทียมกันของทุกอย่าง คำตอบที่เป็นประโยชน์สำหรับ exchange ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ ได้แก่

– Binance (maker fee: 0.10% – 0.15%, taker fee: 0.20% – 0.25%)
– Coinbase Pro (maker fee: 0.00% – 0.50%, taker fee: 0.35% – 1.35%)
– Kraken (maker fee: 0.10% – 0.30%, taker fee: 0.20% – 0.60%)

วิจัยและเปรียบเทียบค่าธรรมเนียมของแต่ละ Exchange ก่อนเลือก

2. ใช้บอทการซื้อขายหรือ Algorithmic Trading

ทำให้การซื้อขายของคุณทางอัตโนมัติพร้อมกับปุ่มที่สามารถจัดทำสัญญาซื้อขายได้ในราคาที่เหมาะสม เพื่อลดความหลุด (ความแตกต่างของราคาระหว่างคำสั่งซื้อและ การดำเนินการ) บอทบางตัว ได้แก่

– CryptoHopper
– Zignaly
– TradeSanta

บอทเหล่านี้ยังสามารถช่วยคุณตั้งค่า Stop-Loss Orders และ Limit Orders เพื่อลดการสูญเสีย

3. ใช้คำสั่งซื้อจำกัดและ Stop-Loss Orders

เมื่อซื้อขาย ให้ใช้คำสั่งซื้อจำกัดเพื่อซื้อหรือขายในราคาที่เฉพาะเจาะจง ช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการซื้อขายในราคาที่ไม่เหมาะสมและลดความหลุด

ตั้งค่า Stop-Loss Orders เพื่อให้ระบบขายสินทรัพย์ของคุณเมื่อสิ่งนั้นลดลง ดังนี้ ช่วยให้คุณสามารถเก็บกำไรได้หรือลดการสูญเสียได้

4. ใช้รูปแบบการซื้อขายที่เหมาะสม

เมื่อซื้อขาย ให้เลือกคู่ตัวเลขที่มีความกว้างของราคาขาย (ความแตกต่างระหว่าง Bid และ Ask) ความกว้างของคู่ตัวเลขที่แคบลงหมายถึงค่าธรรมเนียมต่ำกว่าสำหรับการซื้อขายทุกครั้ง

ตัวอย่างเช่น:

– BTC/USDT มีความกว้างของราคาขายที่แคบกว่า BTC/EUR
– ETH/USD มีความกว้างของราคาขายที่แคบกว่า ETH/BTC

5. ใช้รูปแบบการลงทุนแบบกระจาย

กระจายการลงทุนที่แตกต่างกันเพื่อลดค่าธรรมเนียมการซื้อขายต่อทรัพย์สิน สามารถทำได้โดยการแบ่งสินทรัพย์ออกเป็นเปอร์เซ็นต์ทุกครั้ง หรือใช้รูปแบบการลงทุนแบบ Dollar-Cost Averaging

ตัวอย่างเช่น หากคุณมีเงิน $10,000 เพื่อลงทุนใน Crypto ให้แบ่งเพียงพอไปเป็นสินทรัพย์ดังต่อไปนี้:

– 40% สำหรับ BTC
– 30% สำหรับ ETH
– 20% สำหรับ LTC
– 10% สำหรับ XRP

โดยการกระจายสินทรัพย์ของคุณ คุณสามารถลดค่าธรรมเนียมต่อทรัพย์สิน และทำให้ค่าใช้จ่ายรวมลดลง