Here are 5 Life Hacks ที่ช่วยให้คุณเข้าใจและทำความเข้าใจเรื่องการหักภาษีในด้านการเงินส่วนบุคคล:
1. เข้าใจแนวคิดของ “Capital Asset” ตาม IRS
IRS considers cryptocurrencies เช่น Bitcoin, Ethereum หรือ Litecoin เป็น assets ที่มีค่าทางทุน นั่นหมายความว่าเมื่อคุณขาย cryptocurrencies แล้ว ผลกำไร จะถูกจัดให้เป็นการได้รับกำไรระยะยาวหากเก็บไว้นานกว่า 1 ปี หรือ กำไรระยะสั้น หากขายภายใน 1 ปี
Lifehack: ให้คิดเหมือนกับการขายหุ้นหรือบอนด์ หากคุณเก็บมันเพียง 1 ปี นั่นก็จะถูกหักภาษีตามอัตราภาษีรายได้ปกติ แต่หากเก็บไว้นานกว่า 1 ปี ผลกำไรนั้นจะเป็นกำไรระยะยาวที่ต้องเสียภาษี (0%, 15% หรือ 20%)
2. จำแนกประเภทของรายได้: Income หรือ Capital Gains
หากคุณได้รับ cryptocurrencies เป็นการชำระเงินสำหรับสินค้าหร้บริการ (เช่น การทำงานเป็นอิสระ) นั่นก็ถือว่าเป็น income ที่หักภาษีตามอัตราภาษีรายได้ปกติ
Lifehack: หากไม่แน่ใจ ให้ติดต่อผู้ให้บริการทางการเงิน เพื่อถามว่าคุณขายสินค้าหรือบริการโดยใช้ cryptocurrencies หรือไม่ ถ้านายยังตอบว่าใช่ นั่นหมายความว่าจะถูกหักภาษีตามอัตราภาษีรายได้ปกติ แต่หากคุณซื้อคาด้วยเงินและเก็บไว้นานก่อนที่จะขาย นั้นก็จะเป็นกำไรระยะยาว
3. จำแนกระหว่าง Income จากการทำเหมือง (Mining) และ Capital Gains
หากคุณทำเหมือง cryptocurrencies (เช่น กำไรจากการตรวจสอบข้อมูลบน blockchain) นั่นถือว่าเป็น income ที่หักภาษีตามอัตราภาษีรายได้ปกติ
Lifehack: ให้บันทึกไว้แยกจากกัน เพื่อดูแลกำไรทั้งหมดของคุณ และอาจต้องรายงานการทำเหมืองของ cryptocurrency บน Form 1040 (Schedule 1) ส่วนต่างหากจากกำไรระยะยาว
4. ลืมไม่ให้ดึง Income มาใช้
ถ้าคุณขาย cryptocurrencies ที่ทำให้สูญเสียและซื้อคืนเพียงหลังจากนั้น นั่นอาจจะทำให้เกิดการผูกสัญญาว่าไม่ได้รับกำไรสำหรับภาษี
Lifehack: ให้บันทึกไว้เพื่อดูแลว่าไม่ทำให้เกิดการผูกสัญญา ถ้าคุณมีปัญหาหรือไม่แน่ใจให้ติดต่อผู้ให้บริการทางการเงิน หรือย้ายการจ่ายคืนออกไปหลังจาก 30 วัน หลังจากที่ขาย
5. ใช้กำไรจากการทำเหมือง (Loss Harvesting)
ถ้าคุณมีสูญเสียจากการขาย cryptocurrencies คุณสามารถใช้มันเพื่อชดเชยกำไรจากผลการลงทุนอื่น ๆ
Lifehack: ให้บันทึกไว้แยกจากกัน เพื่อดูแลกำไรทั้งหมดของคุณ ถ้าคุณมีสูญเสียแล้วให้ช่วยเหลือการนำกำไรส่วนต่างออกมาใช้ (Loss Harvesting) โดยการชดเชยกำไรในระยะเวลาหนึ่ง หรือนำสูญเสียไปสืบพันธุ์ในอนาคต