1. หลีกเลี่ยง “การบंडल” และ “การขายเพิ่มเติม”
ร้านค้าบางแห่งมักจะรวมสินค้าที่เกี่ยวข้องกันเข้ากันเพื่อเพิ่มยอดขายเฉลี่ยของแต่ละลูกค้า พวกเขาแสดงข้อเสนอด่วนกับสินค้ารวมไว้ ทำให้เหมือนเป็นข้อเสนอที่ดี แต่สุดท้ายอาจทำให้เกิดการซื้อส่วนเกินและต้นทุนที่ไม่จำเป็น เพื่อหลีกเลี่ยงนี้:
– ขอให้รู้ว่าคุณจำเป็นต้องซื้อทุกอย่างในกลุ่มหรือไม่
– เช็คราคาของสินค้าแต่ละรายการกับราคาทั้งหมดของกลุ่ม
– ออกไปโดยไม่ต้องการหากคุณไม่สนใจที่จะซื้อสินค้าหลายชิ้น
2. จดจำ “การขายต่ำ” (Loss Leaders)
บางร้านค้าอาจจะขายสินค้าบางอย่างด้วยราคาต่ำ (เรียกว่า “loss leaders”) เพื่อดึงดูดลูกค้าเข้าร้าน พวกเขาอาจจะพยายามเพิ่มราคาสินค้าอื่น หรือการขายสินค้าที่แพงกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงนี้:
– ค้นหาคำตอบราคาของสินค้าที่คุณต้องการซื้อก่อนไปร้าน
– ให้แน่ใจว่าคุณไม่ถูกดึงดูดโดยสินค้าอื่น ๆ ในขณะเดียวกัน
– หากสินค้าอยู่ในราคาแพงกว่าที่ค้นหาจากอินเทอร์เน็ต ก็อาจจะเป็น “loss leaders” – ลองคิดหลายครั้งก่อน
3. หลีกเลี่ยง “การสร้างความจำเป็น” (Scarcity Tactics)
ร้านค้ายังอาจจะพยายามทำให้เกิดความรู้สึกของความหดหู่หรือการมีอยู่ของสินค้าเพื่อกระตุ้นการซื้อส่วนเกิน นี่อาจจะเป็นตัวเลขของ:
– ข้อเสนอที่จำกัดเวลา
– “โอกาสสุดท้าย” ของการขาย
– การแจ้งเตือนในเรื่องของความจุสินค้าที่เหลืออยู่
เพื่อหลีกเลี่ยงนี้:
– ตรวจสอบข้อพิพาทเกี่ยวกับความจำเป็น – เช็คราคาออนไลน์และความพร้อมของสินค้า
– อย่าซื้อส่วนเกินเพราะรู้ว่าสินค้ามีอยู่ไม่มาก
– ลองซื้อในช่วงเวลาร่วนที่มีคนน้อยกว่าหรือในช่วงเวลาใดก็ตาม
4. ดึงดูดความระมัดระวังของ “การเปรียบเทียบราคา” (Price Comparisons)
บางร้านค้าอาจจะแสดงราคาของลูกค้าโดยการเพิ่มราคาขึ้นสูง เพื่อทำให้สินค้าของพวกเขาดูเหมือนจะมีราคาที่ถูกกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับราคาของตัวแทนจำหน่ายอื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงนี้:
– ค้นหาคำตอบราคาออนไลน์ก่อนไปร้าน
– ตรวจสอบว่าราคาของลูกค้าราคาอยู่ที่ถูกต้องหรือไม่
– อย่าเชื่อในความเปรียบเทียบราคาของร้านค้า แต่ใช้เครื่องมือออนไลน์หรือแอปพลิเคชันที่ให้ราคาที่แม่นยำมากกว่านั้น
5. ใช้ “กลยุทธ์การควบคุมราคา” (Price Lock Strategies)
บางร้านค้ายังอาจจะปรับราคาของสินค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อแทรกแซงการตัดสินใจซื้อสินค้าของลูกค้า เพื่อหลีกเลี่ยงนี้:
– ตั้งความมุ่งมั่นในงบประมาณสำหรับการเดินทางไปร้าน และไม่เปลี่ยน
– ซื้อในช่วงเวลาที่ราคาต่ำกว่า เช่น หลังวันหยุดภาษี หรือระหว่างช่วงที่ราคาต่ำกว่า (เช่น หลังวันหยุดภาษี)
– พิจารณาใช้แอปพลิเคชั่นให้คืนเงินหรือโปรแกรมรางวัลที่มีการคุ้มครองราคาที่ดี